fbpx

4 แนวทางของการ ตรวจประวัติพนักงาน ในอนาคต

ทุกวันนี้การจ้างคนทำงานแต่ละครั้ง สิ่งที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญคือการตรวจสอบประวัติพนักงานก่อนเริ่มทำงาน เพื่อสร้างความมั่นใจต่อตัวองค์กรเอง แต่ด้วยยุคที่เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น การตรวจประวัติพนักงานเองก็ต้องมีการปรับตัวเพื่อทันสมัย และมีการตรวจสอบที่ครอบคลุมมากขึ้น 

ในบทความนี้เราจะมาพูดถึง 4 แนวทางการตรวจประวัติพนักงานในอนาคต ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปติดตามอ่านกันได้เลย 

การตรวจประวัติพนักงานในปัจจุบัน

ปัจจุบันการ ตรวจประวัติพนักงาน ได้มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคดิจิทัลมากยิ่งขึ้น มีการใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI)  มาช่วยในการเพิ่มความสะดวกสบาย ช่วยลดความยุ่งยากในการตรวจประวัติรูปแบบเดิม ด้วยระบบการตรวจรูปแบบออนไลน์ มีการใช้เทคโนโลยี E-KYC เข้ามาช่วยในการตรวจสอบ ช่วยลดกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ HR ที่จะต้องรวบรวมเอกสารเพื่อนำไปยื่นตรวจที่สำนักงานตำรวจ และยังช่วยให้ทราบผลที่รวดเร็วกว่าเดิม

ในขณะที่รูปแบบการ ตรวจประวัติพนักงาน ก็มีความเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากทุกวันนี้ได้มีการทุจริต ฉ้อโกง การปลอมแปลงหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น การปลอมแปลงประวัติการศึกษา และประวัติการทำงาน ทำให้การตรวจประวัติพนักงานแต่ละครั้ง องค์กรจึงจำเป็นต้องได้รับผลการตรวจที่ครอบคลุม เพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ทั้งต่อองค์กรและพนักงานในองค์กร 

4 ทิศทางการ ตรวจประวัติพนักงาน

การตรวจประวัติพนักงานในอนาคต จะมีทิศทางที่เปลี่ยนไปทั้งจากเทคโนโลยีและรูปแบบการตรวจ ต่าง ๆ ดังนี้

1.บทบาทของ AI ที่มีมากขึ้น

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการใช้ชีวิตของผู้คนในยุคนี้ รวมทั้งการตรวจประวัติพนักงานด้วยเช่นกัน ที่ทุกวันนี้ได้เริ่มมีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้งาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการตรวจประวัติแต่ละครั้ง มีแนวโน้มว่า AI จะเข้ามามีส่วนช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยให้องค์กรตัดสินใจว่าควรหรือไม่ควรจ้างพนักงานคนดังกล่าว ด้วยฐานข้อมูลที่เป็นกลาง ปราศจากอคติ

บทบาทการทำงานของ AI ที่เห็นได้ชัดคือช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีจำนวนมาก ให้สามารถทราบผลได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว และมีโอกาสผิดพลาดน้อยกว่าการตรวจประวัติในรูปแบบเดิม ซึ่งในปัจจุบันได้มีการนำ AI มาใช้ในการตรวจประวัติพนักงานบ้างแล้ว เช่น การตรวจประวัติข่าวเสียบนโซเชียล ที่ AI จะช่วยทำการรวบรวมข่าวสารจากแหล่งต่าง ๆ นำมาวิเคราะห์และสรุปให้ ช่วยให้องค์กรได้รู้ประวัติของพนักงานในส่วนที่อาจไม่ได้บอก หรือปิดบังไว้

2.ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย

บล็อกเชน คือเทคโนโลยีที่นำมาใช้สำหรับเก็บรักษาข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูง โดยส่วนใหญ่จะใช้กับการลงทุน BITCOIN แต่ในอนาคตบล็อกเชน จะถูกนำมาช่วยจัดเก็บข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ขององค์กร หนึ่งในนั้นคือข้อมูลต่าง ๆ ของพนักงาน เช่น ประวัติต่าง ๆ ที่เป็นข้อมูลส่วนตัวของบุคคลนั้น ๆ เพื่อป้องกันคนที่ไม่หวังดีเข้ามาบิดเบือน หรือแอบนำข้อมูลไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต

นอกจากนี้การใช้บล็อกเชนมาใช้งาน จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อใจให้กับองค์กร ว่าใส่ใจถึงความปลอดภัยของข้อมูล ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ต่อทั้งตัวพนักงานรวมถึงลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมากยิ่งขึ้น

3.ตรวจประวัติบนสื่อโซเชียลมีเดีย

หากพูดถึงการตรวจประวัติพนักงาน สิ่งแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึงคือ ประวัติอาชญากรรม, ประวัติการทำงาน หรือประวัติการศึกษา แต่ทุกวันนี้อีกหนึ่งสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน ทั้งทางตรงและทางอ้อม คือประวัติสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีทั้งในแง่ของข่าวเสียบนโลกออนไลน์ หรือการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถตรวจสอบผ่านกรมตำรวจ หรือตรวจสอบผ่านหลักฐานทางเอกสารได้ 

ซึ่งการตรวจประวัติโซเชียลของแต่ละบุคคล จะช่วยป้องกันองค์กรจากคนที่มีแนวคิดไม่เหมาะสม ทั้งเรื่อง ภาษา, วัฒนธรรม แต่ทั้งนี้การตรวจสอบองค์กรจะต้องระมัดระวังในแง่ของกฎหมาย และการละเมิดความเป็นส่วนตัวของพนักงาน ควรที่จะได้รับการยินยอมจากเจ้าของข้อมูลในการตรวจสอบ รวมทั้งองค์กรต้องมีนโยบายคัดกรองที่โปร่งใส เป็นธรรม ปราศจากอคติ 

4.การตรวจประวัติอย่างต่อเนื่อง

โดยปกติแล้วการตรวจประวัติพนักงาน องค์กรมักดำเนินการก่อนรับคนเข้าทำงาน เพื่อช่วยในการติดสินใจรับคน ๆ นั้นเข้าทำงาน แต่ในปัจจุบันทุกคนสามารถกระทำความผิดทั้งต่อองค์กร หรือกฎหมายได้ตลอดเวลา ผ่านพฤติกรรม กาย วาจา ที่ไม่เหมาะสมต่าง ๆ ทำให้การตรวจประวัติพนักงานเพียงครั้งเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการจ้างงานอีกต่อไป

การตรวจประวัติพนักงานอย่างต่อเนื่อง จะช่วยเพิ่มความสบายใจต่อตัวองค์กร ว่าพนักงานที่เลือกมานั้น ไม่มีความเสี่ยงต่อการกระทำความผิด ที่จะทำลายชื่อเสียง หรือทรัพย์สินขององค์กรได้ โดยตำแหน่งงานที่ควรตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เช่น พนักงานขับรถ ที่ต้องดูว่ามีการละเมิดกฎหมายจราจรหรือไม่, พนักงานที่ดูแลด้านการเงิน ควรดูว่าพนักงานดังกล่าวมีข้อมูลทางการเงินที่ล้มละลายหรือไม่ เป็นต้น

สรุป

โดยสรุปแล้ว จะเห็นได้ว่าในอนาคตรูปแบบการตรวจประวัติพนักงานจะมีความเข้มข้น และสำคัญต่อองค์กรยิ่งกว่าเดิม ในขณะเดียวกันก็มีการพลิกโฉมการตรวจประวัติในรูปแบบเดิม ๆ ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกในการตรวจสอบ และเพิ่มความปลอดภัยรัดกุมมากยิ่งขึ้น 

สำหรับ Appman Background Check คือบริการตรวจประวัติพนักงานในรูปแบบออนไลน์​ 100% มีการใช้เทคโนโลยี E-KYC ในการยืนยันตัวตน ช่วยลดกระบวนการทำงานของ HR ทำให้ทราบผลการตรวจสอบรวดเร็วกว่าเดิม พร้อมกระบวนการตรวจสอบที่ถูกต้องตามกฎหมาย PDPA

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *