ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการหาคนทำงาน ที่ทุกวันนี้มีรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีในการตรวจประวัติพนักงาน, รูปแบบการคัดเลือกที่มีความเปิดกว้าง รับความหลากหลาย ดังนั้นจึงเป็นความท้าทายและหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ HR ที่ต้องเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง รวมถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ในบทความนี้เราได้รวม 5 เทรนด์การหาคนทำงาน ที่น่าจับตาในอนาคตมาให้แล้ว จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างที่ต้องเตรียมรับมือ ไปติดตามอ่านกันได้เลย
1.สร้างภาพลักษณ์องค์กรให้น่าดึงดูด
ทุกวันนี้การแข่งขันในตลาดงานมีความเข้มข้นมากขึ้น เพื่อดึงดูดคนที่เก่ง มีความสามารถเข้ามาร่วมงาน ซึ่งการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรคือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสได้คนเก่งมาร่วมงานมากขึ้น เพราะทุกวันนี้การเลือกสมัครงานในแต่ละครั้ง ผู้คนมักมองหาบริษัทที่ตอบโจทย์ในเรื่องของความมั่นคง สวัสดิการที่น่าสนใจ และรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นได้
ในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่ารูปแบบการเลือกทำงานของผู้คน จะให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ขององค์กรยิ่งกว่าเดิม บริษัทที่มีภาพลักษณ์โดดเด่น จะมีโอกาสสร้างทีมงานที่มีคุณภาพ และรักษาคนทำงานได้มากยิ่งขึ้น ด้วย Employer Value Proposition (EVP) ซึ่งเป็นสิ่งดึงดูด หรือข้อเสนอต่าง ๆ ที่พนักงานจะได้เมื่อมาร่วมงาน เช่น การมีวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง พร้อมให้โอกาสคนรุ่นใหม่ หรือสวัสดิการที่สนับสนุนให้พนักงานมีสุขภาพดี เป็นต้น
จากผลสำรวจของ Corporate Leadership Council ระบุว่า องค์กรที่มี EVP ที่ชัดเจน และน่าดึงดูด จะสามารถลดอัตราการลาออกของพนักงานได้ถึง 69% ต่อปี
2.ให้ความสำคัญกับการรักษาพนักงาน
การเปลี่ยนงานบ่อยคืออีกเทรนด์ที่คนรุ่นใหม่กำลังนิยม เพราะเป็นหนทางที่ช่วยให้เพิ่มเงินเดือนให้สูงขึ้นรวดเร็ว รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้ตนเองได้ทำงานที่ตอบโจทย์กับตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายใหม่ขององค์กรในปัจจุบันและอนาคตที่จะต้องหาทางรักษาพนักงานไว้ให้อยู่ได้นาน
โดยการรักษาพนักงานให้อยากอยู่กับองค์กรไปนาน ๆ สามารถเริ่มจากปรับสวัสดิการ ให้ตอบโจทย์พนักงานมากขึ้น เช่น สวัสดิการสุขภาพ, การปรับเงินเดือนหรือโบนัสตามผลงาน ซึ่งสวัสดิการเหล่านี้จะช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าองค์กรได้ให้ความสำคัญกับผลงานของตนเอง ช่วยให้เกิดความซื่อสัตย์ ภักดีกับองค์กรมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยรักษาพนักงานเช่นกัน เพราะหากองค์กรมีบรรยากาศที่ไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะจากเพื่อนร่วมงานที่ไม่น่าไว้วางใจ ก็ยิ่งทำให้พนักงานอยากหลีกหนี ไม่อยากทำงานในองค์กร โดยวิธีป้องกันองค์กรสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการตรวจประวัติพนักงานก่อนเริ่มงาน เพื่อลดความเสี่ยงต่อองค์กรและพนักงานได้
3.ใช้ AI เข้ามามีส่วนร่วม
เทคโนโลยี AI ได้เข้ามามีบทบาทต่องานของเจ้าหน้าที่ HR ทั้งในการบริหารจัดการ และการคัดเลือกพนักงานที่เหมาะสม เพราะหากองค์กรมีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ก็จะยิ่งช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้องค์กรมีความล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ช่วยให้พนักงานมั่นใจได้ว่าจะได้รับการปฏิบัติ ดูแลอย่างโปร่งใส รวมทั้งยังลดกระบวนการทำงานของ HR ให้มีเวลาพัฒนาส่วนอื่น ๆ ของสวัสดิการองค์กรให้มีคุณภาพ
มีแนวโน้มว่าในปี 2030 เทคโนโลยี AI จะพัฒนาให้สามารถช่วยเหลืองานทรัพยากรบุคคลได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานกลยุทธ์ ช่วยประเมินคุณสมบัติของหนักงานที่เหมาะสมตามตำแหน่งงานนั้น ๆ ช่วยลดภาระการทำงานของเจ้าหน้าที่ HR รวมทั้งช่วยลดความเสี่ยงที่องค์กรจะได้พนักงานที่ไม่มีคุณภาพ เข้ามาร่วมงาน
4. เปิดรับความหลากหลาย
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่านี้คือยุคที่เปิดรับความหลากหลาย โดยเฉพาะความหลากหลายทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง หรือ LGBTQ+ ที่เปิดโอกาสให้คนทุกเพศสามารถมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน เพราะการสร้างความเท่าเทียม มีความหลากหลายจะช่วยให้องค์กรเกิดวัฒนธรรมการทำงานที่ดี มีการเปิดกว้างทางความคิด และพนักงานทุกคนรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมกับงานที่ได้ทำ
ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การที่องค์กรเปิดรับผู้สมัคร มีการคัดเลือกคนทำงานที่มีความหลากหลาย จะยิ่งช่วยให้องค์กรมีโอกาสได้คนมีความสามารถเข้ามาร่วมงานมากขึ้น รวมทั้งยังช่วยเพิ่มความโดดเด่นขององค์กรในด้านความเท่าเทียมอีกด้วย
จากผลสำรวจของ Yello บริษัทซอฟต์แวร์จัดหาบุคคล พบว่า 52% ของผู้สมัครรุ่นใหม่ เกิดความลังเลในการร่วมทำงานในองค์กรที่ไม่เปิดรับความหลากหลายทางเพศ
5. เตรียมพร้อมสำหรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอนาคต
เพราะทุกวันนี้เราทุกคนอยู่ในโลกที่หมุนเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่มีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงเป็นหนึ่งในหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ HR ในการที่จะต้องเตรียมพร้อมสำหรับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีในการช่วยหาคนทำงาน ที่อาจต้องมีการใช้ AI ในการช่วยประเมินคุณสมบัติ ความเหมาะสมที่จะรับบุคคลนั้น ๆ เข้ามาร่วมงาน
นอกจากนี้องค์กรควรมีการฝึกอบรมพนักงานและเจ้าหน้าที่ถึงทักษะการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงการใช้ AI เพื่อเป็นพื้นฐานในการพร้อมปรับตัวเข้าสู่โลกการทำงานยุคใหม่ได้อย่างยั่งยืน และมีประสิทธิภาพ
สรุป
จะเห็นได้ว่าการเตรียมพร้อมให้สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง คือทักษะสำคัญที่เจ้าหน้าที่ HR ยุคใหม่ต้องมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหาคนทำงาน ที่ทุกองค์กรควรนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ รวมทั้งการเปิดรับความหลากหลาย ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้องค์กรจะได้พนักงานที่ดี มีความสามารถมาร่วมงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งการได้คนเก่ง ๆ มาร่วมงานและรักษาไว้นี่เอง จะช่วยพาองค์กรสามารถไปสู่จุดหมายที่วางไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
