ในปัจจุบัน โมเดลธุรกิจธนาคารดิจิตัลกำลังกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว ทำให้การนำเทคโนโลยีดิจิตัลอย่าง E-KYC มาใช้กับลูกค้าเป็นโอกาสสำหรับธนาคารในการมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ รวมถึงการรักษาความสัมพันธ์อันยาวนานกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
กระบวนการเริ่มต้นของสถาบันการเงิน และธนาคารโดยทั่วไป ถูกกำหนดให้จำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลประจำตัวของลูกค้ากับฐานข้อมูลก่อน ไม่ว่าจะเป็น ประวัติส่วนตัว คดีความ ไปจนถึงประวัติอาชญากรรม จึงจะสามารถเปิดบัญชีได้
โดยกระบวนการ KYC แบบเก่านั้น ต้องใช้เวลานาน และลูกค้าจะต้องไปยืนยันตัวตนที่สาขาของธนาคาร ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการที่มากขึ้นไปอีก ทำให้เกิดปัญหาที่น่ากังวลอย่างมากสำหรับทั้งธนาคารและลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงการแพร่ระบาดของ Covid-19
E-KYC (Electronic Know Your Customer) หรือ การยืนยันตัวตนผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นกระบวนการบังคับที่นิยมใช้กับการดำเนินการโดยธนาคาร และสถาบันการเงิน เพื่อยืนยันตัวตนและสร้างตัวตนของลูกค้า
>> เรียนรู้เพิ่มเติม
จะเกิดอะไรขึ้นกับ Fintech เมื่อ KYC กลายเป็น E-KYC?
รายงานล่าสุดจาก GlobeNewswire ได้คาดการณ์ว่าตลาดของการยืนยันตัวตนดิจิทัลทั่วโลก จะเติบโตในอัตรา 22% ต่อปี และอาจมีมูลค่าสูงถึง 1,015.36 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2026 ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับอุตสาหกรรมฟินเทค เนื่องจากการหันมาใช้กระบวนการยืนยันตัวตนแบบดิจิทัล
E-KYC ได้สร้างผลกระทบในทางที่ดีต่อฟินเทค อย่างไรบ้าง ?
เพิ่มความรวดเร็วในการเปิดบัญชีของลูกค้า (Onboarding)
การยืนยันตัวตนที่ดี ควรทำให้กระบวนการทำงานทั้งหมดเป็นแบบอัตโนมัติ และสามารถถ่ายโอนข้อมูลลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ ทำให้องค์กรสามารถตรวจสอบข้อมูลได้รวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ใช้สามารถเข้าใช้งานได้อย่างราบลื่น ซึ่งเป็นการมอบประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่การเริ่มต้นใช้งานของลูกค้า
ลดการรั่วไหลของข้อมูล และการฉ้อโกง
การยืนยันตัวตนดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ จะนำปัญญาประดิฐ (AI) มาใช้ในการตรวจสอบตัวตนของบุคคลที่ต้องการเข้าถึง ผ่านกล้องของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสแกนใบหน้าของผู้ใช้ หลังจากนั้น ปัญญาประดิษฐ์ก็จะทำการเปรียบเทียบรายละเอียดอัตลักษณ์และบัตรประชาชน กับ ข้อมูลของทางราชการ หากไม่ตรงกัน ผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงได้
ลดการใช้กระดาษ 100%
แน่นอนว่ากระบวนการทำงานของการยืนยันตัวตนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการทำงานแบบดิจิทัลทั้งหมด ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารกระดาษ ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนด้านเอกสารให้กับสถาบันการเงิน หรือธนาคารอย่างมหาศาล ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญสำหรับการสร้างภาพลักษณะแก่องค์กร ในการช่วยลดโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงยังสามารถจัดเก็บข้อมูลสำคัญของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิม
4 หัวใจสำคัญของการใช้ E-KYC สำหรับผู้ให้บริการทางการเงิน
1. เทคโนโลยี OCR สำหรับการแปลงเอกสารเป็นดิจิทัล
หนึ่งในฟีเจอร์ที่สำคัญของโซลูชันการยืนยันตัวตนดิจิทัล คือ การที่ลูกค้าสามารถส่งเอกสารเพื่อยืนยันตัวตนในรูปแบบดิจิทัล เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ และหนังสือเดินทาง แต่การคีย์ข้อมูลด้วยตนเองจะใช้เวลานาน และมีความเสี่ยงของข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
เทคโนโลยี OCR (Optical Character Recognition) จะช่วยดึงข้อมูลจากเอกสารเหล่านี้ และประมวลผลออกมาเป็นข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลด้วย AI ซึ่งมีความรวดเร็ว และแม่นยำสูง
เทคโนโลยี OCR ของ Appman สามารถอ่านภาษาไทย และอังกฤษ ได้ยอดเยี่ยม โดยให้ความแม่นยำสูง 97.8%
เรียนรู้เพิ่มเติม
2. เทคโนโลยี Face Recognition สำหรับการตรวจสอบใบหน้า
การยืนยันตัวตนโดยการตรวจสอบใบหน้าของผู้ที่ต้องการเปิดบัญชี ผ่านกล้องจากอุปกรณ์อิเล็กทรอกนิกส์ มีบทบาทสำคัญอย่างมากในอุตสาหกรรมฟินเทค เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้งานได้อย่างแม่นยำ
โดยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า (Face Recgonition) จะเปรียบเทียบคุณสมบัติทางใบหน้าจากรูปภาพ และกล้องแบบเรียลไทม์ พร้อมกับจำแนกใบหน้าของผู้ใช้แต่ละรายโดยไม่ซ้ำกัน ซึ่งช่วยป้องกันการปลอมแปลงใบหน้าได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นใช้งานของลูกค้าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด หากองค์กรใช้เทคโนโลยี และโซลูชันที่เหมาะสม จะช่วยให้องค์กรสามารถสร้างสินค้าและการบริการที่สามารถแข่งขันได้ในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
3. การตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้ใช้งาน
แน่นอนว่าการตรวจสอบข้อมูลประวัติของผู้ต้องการเปิดบัญชีเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ให้บริการทางการเงิน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของผู้ใช้งานทุกคน รวมไปถึงการป้องกันมิจฉาชีพ การฉ้อโกง รวมไปถึงคดีความต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อผู้ใช้งานโดยรวม
หากเราสามารถตรวจสอบข้อมูลประวัติอาชญากรรมได้อย่างรวดเร็ว หรือสามารถปรับปรุงให้ขั้นตอนทั้งหมดอยู่ในรูปแบบอัตโนมัติได้ ก็จะช่วยให้กระบวนการทำงานโดยรวมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Criminal Checker คือ ระบบตรวจประวัติอาชญากรรมแบบอัตโนมัติ ช่วยลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ และเร่งกระบวนการทำงานทั้งหมดให้รวดเร็วขึ้น ทำให้การเปิดบัญชีของลูกค้าเป็นไปได้อย่างลื่นไหล ไม่สะดุด
เรียนรู้เพิ่มเติม
4. การบริการ Dip Chip Rider
Dip Chip Rider คือ กระบวนการตรวจสอบหลักฐานผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (เครื่องอ่านบัตร) ในขั้นตอนการยืนยันตัวตนของลูกค้าผ่านการบริการของเจ้าหน้าที่ โดยลูกค้าสามารถแจ้งจุดนัดพบกับเจ้าหน้าที่ได้ตามความสะดวก ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบข้อมูลของลูกค้าในการเปิดบัญชี รวมถึงให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้ามากขึ้น