ในปัจจุบันมีการฉ้อโกงมากมายหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลอมแปลงเอกสารที่มีความสมจริง จนยากที่มนุษย์จะสามารถสังเกตเห็นได้ ซึ่งเทคโนโลยี OCR นอกจากจะเข้ามาช่วยทำหน้าที่จัดการเอกสารแล้ว ยังได้เข้ามามีบทบาทในการช่วยป้องกันการฉ้อโกง ด้วยการใช้ AI ในการอ่านข้อมูลที่มีความรวดเร็ว และแม่นยำถูกต้อง ทำให้องค์กรสามารถรับมือกับการทุจริตได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่ง OCR สามารถเข้ามาแก้ปัญหาการฉ้อโกงอย่างไรบ้าง ในบทความนี้เรารวมมาให้แล้ว
4 รูปแบบการฉ้อโกง และการใช้ OCR Fraud Detection
1. บัตรประชาชนปลอม
การปลอมแปลงบัตรประชาชนเป็นหนึ่งในปัญหายอดนิยม เนื่องจากในปัจจุบันการการทำธุรกรรมมากมายต่างต้องใช้บัตรประชาชนในการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรมการเงิน การทำธุระเกี่ยวกับราชการต่าง ๆ การใช้บัตรประชาชนปลอมมีการทำให้มีความแนบเนียนมากยิ่งขึ้นจนยากที่มนุษย์จะแยกด้วยตาเปล่าได้ และนำมาสู่การฉ้อโกงมากมาย จนส่งผลเสียต่อองค์กรทั้งด้านชื่อเสียง ทรัพย์สิน หรือร้ายแรงอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศได้
OCR Fraud Detection คือ สิ่งที่จะเข้ามาช่วยให้การตรวจสอบบัตรประชาชนปลอมเป็นไปอย่างง่ายดาย และรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยระบบการเช็กถึง 5 ระดับ ได้แก่
- Level 1: ตรวจสอบ Font บนบัตรประชาชน ด้วยการแยกประเภทตัวอักษร ว่าตรงตามแบบอักษรบัตรประชาชน ไม่ได้เป็นเป็นตัวหนังสือที่ตัดต่อมา มีการใช้ AI ตรวจสอบรูปบัตรประชาชนว่าเป็นภาพจริง ไม่ได้เป็นภาพปลอมแปลง หรือถ่ายจากที่อื่น
- Level 2: ใช้ AI ตรวจจับการมีอยู่ของเส้นสีแดงที่ควรมีอยู่ในบัตรประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ช่วยป้องกันการปลอมแปลงภาพถ่ายบนบัตรได้
- Level 3 – 4: มีการใช้ AI ตรวจสอบ Hologram ที่เป็นเทคนิคพิมพ์สำหรับสร้างภาพกราฟฟิคขนาดเล็กฝังลงบนบัตรประชาชน โดย AI ของแอพแมนจะช่วยตรวจจับตัวกราฟฟิค เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของบัตรประชาชน
- Level 5: มีการใช้ AI ตรวจสอบ Microprinting ที่เป็นเทคนิคสำหรับสร้างข้อความ และภาพขนาดเล็ก โดยจะมีความสูงไม่เกิน 1 มิลลิเมตร และต้องใข้เลนส์ขยายเท่านั้นถึงจะมองเห็น ซึ่ง AI จะทำหน้าที่ตรวจจับตัวหนังสือขนาดเล็กเหล่านี้ เพื่อยืนยันความถูกต้องของบัตรประชาชน
2. ใบแจ้งหนี้ซ้ำ
ใบแจ้งหนี้ซ้ำ คือการทำสำเนาใบแจ้งหนี้เดียวกันเป็นจำนวนหลายชุด ซึ่งโดยปกติใบแจ้งหนี้เหล่านี้จะทำหน้าที่เรียกเก็บเงินต่อลูกค้าสำหรับบริการ หรือสินค้าต่าง ๆ สาเหตุที่เกิดใบแจ้งหนี้ซ้ำ อาจเกิดได้จากความผิดพลาดจากกรณีที่พนักงานป้อนข้อมูลซ้ำ จนเกิดเป็นการเรียกเก็บเงินซ้ำสองครั้ง ซึ่งมิจฉาชีพได้ใช้ช่องทางนี้ในการสร้างใบแจ้งหนี้ซ้ำ เพื่อหลอกล่อให้ลูกค้าจ่ายเงินมากกว่าหนึ่งครั้ง
เทคโนโลยี OCR จะเข้ามาช่วยในการป้องกันการทำใบแจ้งหนี้ซ้ำ ด้วยการใช้ AI ในการช่วยตรวจสอบเอกสาร ด้วยการจดจำใบแจ้งหนี้ที่ได้รับการสแกนเข้าไปในระบบ เมื่อมีการทำการสแกนใบแจ้งหนี้ถัดไป OCR จะทำหน้าที่เปรียบเทียบข้อมูล หากมีการพบข้อมูลที่ซ้ำกัน หรือมีความผิดปกติ จะมีการแจ้งเตือนข้อมูลซ้ำทันที
3. บริษัทปลอม
การฉ้อโกงโดยบริษัทปลอม มักเกิดขึ้นกับองค์กรที่มีแผนกเซลล์ ที่ต้องติดต่อประสานงานกับบริษัทหลายแห่ง จนทำให้เกิดความสับสนกับการจัดการเอกสารการเงินต่างๆ ทำให้มิจฉาชีพอาศัยช่องโหว่ในส่วนนี้ ด้วยการส่งใบแจ้งหนี้ จากบริษัทปลอม ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง และมีหน้าตาเหมือนใบแจ้งหนี้ที่ถูกต้องตามปกติทุกอย่าง ทำให้ยากที่จะแยกออกว่าเป็นเอกสารปลอมแปลง
สำหรับวิธีป้องกันบริษัทปลอมเข้ามาหลอกลวง สามารถทำได้โดยใช้เทคโนโลยี OCR ที่จะทำหน้าที่เช็กเลขผู้เสียภาษีของบริษัทนั้นๆ และตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิสูจน์ความมีตัวตนของบริษัทนั้นๆ ว่ายังมีการเสียภาษีหรือไม่
4.การแก้ไขใบแจ้งหนี้
การปรับแต่งแก้ไขใบแจ้งหนี้ คือวิธีการฉ้อโกงโดยอาศัยช่องโหว่ของการตรวจสอบใบแจ้งหนี้ ยกตัวอย่างเช่น องค์กรที่ต้องการสั่งซื้อคอมพิวเตอร์ออฟฟิศเป็นจำนวนมาก บริษัทผู้ขายคอมพิวเตอร์ที่มีจุดประสงค์ในการโกงผ่านใบแจ้งหนี้ อาจใช้วิธีการแอบเปลี่ยนสเปคของคอมพิวเตอร์ที่สั่งเป็นรุ่นที่ถูกกว่า แต่มีการคิดมูลค่าเต็มเท่าเดิม หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขในใบแจ้งหนี้ ทำให้ผู้ซื้อไม่ได้รับสินค้าที่ถูกต้องมีคุณภาพ ตามเงินที่จ่ายไป
การป้องกันการปลอมแปลงใบแจ้งหนี้ โดยทั่วไปสามารถทำได้ด้วยการเปรียบเทียบเอกสารได้แก่ ใบสั่งซื้อ ใบส่งสินค้า และใบแจ้งหนี้ เพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลทุกรายการมีข้อมูลที่ตรงกัน ซึ่งหากใช้เทคโนโลยี OCR ในการเปรียบเทียบ จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบ ด้วยการอ่าน และจดจำข้อมูลโดย AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ่านข้อมูลบน Serial Number ของสินค้า ทำให้เราทราบถึงที่มาที่ชัดเจนของสินค้าที่ได้รับ
สรุป
การฉ้อโกงในปัจุบัน คือภัยร้ายที่ส่งผลเสียต่อทั้งตัวบุคคล และองค์กร ทำให้เสียเงิน เสียทรัพย์ ด้วยรูปแบบการโกงที่มีความแนบเนียนจนยากที่จะตรวจสอบด้วยสายตามนุษย์ ดังนั้นเทคโนโลยี OCR จึงเป็นสิ่งที่เข้ามาช่วยป้องกันการฉ้อโกงรูปแบบต่างๆ ในปัจจุบัน ด้วยการทำงานของ AI ที่ทันสมัย มีความแม่นยำเชื่อถือได้ ทำให้องค์กรสามารถรับมือกับภัยการโกงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น