ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การอัพเดทกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย รวมไปถึงการทำธุรกรรมผ่านทางออนไลน์ อย่างเช่น การทำธุรกิจทางการเงิน การซื้อของออนไลน์ การจองตั๋วและที่พัก ไปจนถึงการเข้าถึงบริการต่าง ๆ ซึ่งทางผู้ให้บริการ จำเป็นต้องขอข้อมูลส่วนบุคคลในการยืนยันตัวตน (E-KYC) เพื่อการให้สิทธิพิเศษ หรือเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าใช้งานระบบจาก บัญชีปลอม นอกจากนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกและความรวดเร็วในการเข้าถึงการให้บริการด้านต่าง ๆ อีกด้วย
แต่นอกจากประโยชน์แล้ว อินเทอร์เน็ตก็ยังมีโทษเหมือนกัน อย่างเช่นในกรณีของกลุ่มแฮกเกอร์ “9Near” ที่ได้ขโมยข้อมูลของคนไทยกว่า 55 ล้านคน ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ ชื่อ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ รวมไปถึงเบอร์โทรศัพท์ ส่งผลให้ธุรกิจเกิดความเสี่ยง จากมิจฉาชีพ หรือบุคคลที่ไม่หวังดี ซึ่งอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลทำการฉ้อโกง หรือเปิดบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น การเปิดบัญชีปลอม บัญชีม้า หรือการทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ โดยมิได้รับอนุญาติจากเจ้าของข้อมูล
4 ความเสี่ยงของธุรกิจ
จากการแอบอ้างตัวตนเพื่อเปิดบัญชีปลอม
การเข้าใช้งานระบบ การเปิดบัญชี หรือการทำธุรกรรมออนไลน์ โดยวิธีสวมรอย แอบอ้าง หรือนำข้อมูลของบุคคลที่ไม่ยินยอมมาใช้โดยผู้ไม่หวังดี อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจและลูกค้า ในหลากหลายด้าน ได้แก่
1. ความเสียหายทางการเงิน (Financial)
หากธุรกิจของคุณมีการเปิดบัญชีปลอม อาจทำให้ธุรกิจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ และแก้ไขปัญหา รวมถึงการฟ้องร้อง ซึ่งอาจต้องจ่ายค่าเงินชดเชยให้กับลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจากการโจรกรรมบัญชีจำนวนมาก
2. ความเสียหายในการสร้างชื่อเสียง (Reputation)
การเปิดบัญชีปลอมอาจทำให้ธุรกิจของคุณ สูญเสียความไว้วางใจจากลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงในสังคมออนไลน์ หรือความเชื่อมั่นจากลูกค้าที่มีชื่อเสียง ซึ่งอาจส่งผลต่อการดึงดูดลูกค้าอื่น ๆ รวมไปถึงการสร้างภาพลักษณ์ของธุรกิจในระยะยาว
3. ความเสียหายทางกฎหมาย (Legal)
การมีบัญชีปลอมในระบบ อาจส่งผลต่อข้อกำหนดการละเลยกฎหมาย และกฎระเบียบ ทำให้ธุรกิจของคุณต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ทั้งยังต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา
4. ความเสียหายทางการตลาด (Marketing)
การสวมรอยเปิดบัญชีปลอมอาจทำให้ธุรกิจเกิดความเสียหายในด้านการทำเแคมเปญการตลาด ตัวอย่างเช่น ความต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจากการแจกคูปอง หรือการให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ ซึ่งอาจจะตกไปอยู่กับบุคคล หรือกลุ่มคนที่แอบอ้าง ทำให้ลูกค้าไม่สามารถเข้าถึงการให้บริการได้อย่างที่ควรจะเป็น
ปกป้องธุรกิจของคุณจากการเปิด บัญชีปลอม
ด้วยการยืนยันตัวตนดิจิทัล (E-KYC)
APPMAN E-KYC ได้ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณปลอดภัยจากการนำข้อมูลส่วนบุคคลมาใช้ในการทำธุรกรรมหรือสมัครบัญชีต่างๆ ซึ่งช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งาน อาทิเช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลขประจำตัวประชาชน และข้อมูลอื่นๆ รวมถึงการใช้ระบบ Bometric ที่นำเทคโนโลยีรู้จำใบหน้า (Face Recognition) เพื่อระบุตัวตนของผู้ใช้งาน ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถแอบอ้างตัวตนของบุคคลอื่นได้ ซึ่งประกอบไปด้วย
1. บัญชีปลอม สแปมเมอร์ และสแกมเมอร์ (Fake Account)
เทคโนโลยี OCR สามารถอ่านข้อมูลจากบัตรประชาชน และนำไปตรวจสอบผ่านฐานข้อมูลของกรมปกครอง (DOPA) และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (AMLO) เพื่อทราบสถานะของบัตรว่าเป็นของจริงหรือปลอมได้อย่างแม่นยำ
สแกมเมอร์ คือ บุคคลที่ทำการส่งข้อความหรือไปหาผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือความยินยอมจากผู้รับ การสแปมส่วนใหญ่ทำเพื่อการโฆษณาเชิงพาณิชย์
สแปมเมอร์ คือ บุคคลผู้ที่หลอกลวง ฉ้อฉนบนโลกออนไลน์ มักมาในหลากหลายรูปแบบ เช่น call center แพลตฟอร์มออนไลน์ รวมไปถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ
2. บัญชีที่ถูกสวมรอยโดยคนร้าย (Identity Theft)
เทคโนโลยี Digital Face to Face สามารถระบุตัวตนของผู้ใช้งานด้วยการ VDO Call ร่วมกับ Face Recognition ในการเปรียบเทียบภาพใบหน้าจริงกับภาพของบัตรประชาชนด้วยระบบ Biometric ที่มีความสะดวก และรวดเร็ว และได้มาตรฐานระดับโลก
Identity Theft คือ การที่เหยื่อถูกสวมรอยโดยคนร้าย ด้วยการนำข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อไปแอบอ้าง เพื่อหาผลประโยชน์บางประการ เช่น นำข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อไปเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อทำธุรกรรมต่าง ๆ, เอาชื่อไปก่ออาชญากรรม หรือไปก่อเหตุอื่น ๆ และสร้างความเสียหายกับเหยื่อ
3. ตัวตนปลอม (False Identity)
การใช้ตัวตนปลอม สามารถป้องกันด้วยการพบปะกับลูกค้าในสถานที่จริงกับเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และสามารถทำการยืนยันตัวตนด้วยเครื่องอ่านข้อมูลบัตรประชาชนจากเจ้าหน้าที่
False Identity คือ การปลอมแปลงเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นหรือกล่าวอ้างโดยเท็จหรือบิดเบือนข้อมูลของท่านต่อบุคคลหรือนิติบุคคลหรือการใช้ตัวตนปลอมเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำให้เข้าใจผิด
หากธุรกิจไม่ใช้เทคโนโลยี E-KYC เพื่อตรวจสอบและยืนยันตัวตนของลูกค้าก่อนทำธุรกรรม หรือการ login เข้าระบบออนไลน์ อาจจะมีความเสี่ยงต่อการโจรกรรมบัญชี การฝ่าขั้นตอนการตรวจสอบเอกสาร การปลอมตัวตน และการเปิดบัญชีปลอม จะส่งผลให้ธุรกิจพบกับความเสียหายทางการเงิน และชื่อเสียง รวมถึงความเสียหายต่อการดำเนินงานของธุรกิจในระยะยาว
ดังนั้นการใช้เทคโนโลยี E-KYC เพื่อตรวจสอบและยืนยันตัวตนของลูกค้า เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการฝ่าขั้นตอนการตรวจสอบ และการปลอมตัวตนของลูกค้า และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าธุรกิจมีการดูแลและปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอย่างเหมาะสม ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมกับธุรกิจในระยะยาว