ในปัจจุบันธุรกิจโลจิสติกส์ ได้เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น เพราะโลกไร้พรมแดนของอินเตอร์เน็ตที่ทำให้ทุกคนสามารถสั่งซื้อของจากทั้งโลกผ่านการคลิกหน้าจอง่าย ๆ แต่ด้วยจำนวนผู้ใช้บริการที่มีจำนวนมาก บางครั้งการจัดการข้อมูลของธุรกิจโลจิสติกส์ อาจมีข้อผิดพลาด หรือเกิดการทำผิดกฎหมายได้ การยืนยันตัวตน eKYC จึงเป็นสิ่งที่เข้ามามีบทบาทในการช่วยเพิ่มความแม่นยำ และแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจโลจิสติกส์ได้ วันนี้เราได้รวม 5 เหตุผลที่ธุรกิจโลจิสติกส์ต้องให้ความสำคัญในการยืนยันตัวตน จะมีอะไรบ้างไปดูกัน
5 เหตุผลที่ธุรกิจโลจิสติกส์
ถึงต้องให้ความสำคัญในการยืนยันตัวตน (eKYC)
1. เพิ่มความปลอดภัยของการส่งสินค้าด้วย การยืนยันตัวตน ขั้นสูง
อย่างที่เราทราบกันดีว่าการส่งสินค้าด้วยบริการโลจิสติกส์ในยุคดิจิทัลนั้น ค่อนข้างมีผู้ใช้บริการ และขนส่งพัสดุเป็นจำนวนมาก ทำให้ยากต่อการตรวจสอบที่มาของสินค้าและผู้ส่ง ดังนั้นการยืนยันตัวตนด้วย eKYC จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยต่อการส่งสินค้า เนื่องจากการยืนยันตัวตนผู้ส่งสินค้าก่อนดำเนินการส่งแต่ละครั้ง จะทำให้ผู้ให้บริการ หรือลูกค้า สามารถตรวจสอบข้อมูลผู้ส่งได้ ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการใช้บัตรประชาชนปลอมในการยืนยันตัวตน
นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่ผู้ส่งสินค้าได้ทำการส่งสินค้าที่ผิดกฎหมาย หรือสินค้าที่ไม่ตรงตามที่ลูกค้าสั่งซื้อ โดยผู้ให้บริการอาจทำการแบล็คลิสต์ผู้ส่งสินค้าเพื่อป้องกันการกระทำผิดในครั้งต่อ ๆ ไป ทำให้ลูกค้าที่สั่งของสามารถได้รับความมั่นใจในบริการจัดส่งสินค้ามากยิ่งขึ้น
2. เพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบข้อมูล
เนื่องจากปริมาณข้อมูลที่มากมายมหาศาลของบริการโลจิสติกส์ ทำให้มีโอกาสที่การดำเนินงานอาจเกิดความผิดพลาดได้ เช่น การใส่ข้อมูลผู้ส่งผิดพลาด หรือการใส่ข้อมูล จนทำให้ผู้รับได้สินค้าที่ผิดพลาด หรือได้รับสินค้าที่ไม่ตรง ดังนั้นการยืนยันตัวตนด้วย eKYC จะเข้ามาช่วยลดความผิดพลาดดังกล่าว ด้วยการใช้เทคโนโลยี OCR ในการอ่านข้อมูลของผู้ส่งสินค้า และใช้ข้อมูล Tracking ในการติดตามสถานะสินค้าจากผู้ส่งรายนั้น ๆ ทำให้ผู้รับสามารถตรวจสอบสถานะคำสั่งซื้อได้ตลอดเวลา และเชื่อมั่นได้ว่าจะได้รับสินค้าที่ถูกต้อง ตรงตามเวลาที่กำหนด
3. ประหยัดเวลา และทรัพยากรในการดำเนินงาน
การใช้ eKYC ในการยืนยันตัวตนนั้น นอกจากจะช่วยลดความผิดพลาดจากการดำเนินงานได้แล้ว ยังสามารถช่วยประหยัดเวลา และทรัพยากรขององค์กรอีกด้วย เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดของผู้ส่งที่ผ่านการยืนยันตัวตน จะถูกจัดเก็บอยู่ในฐานข้อมูล ทำให้ง่าย และสะดวกต่อการค้นหาในเวลาอันรวดเร็ว ช่วยลดความยุ่งยากในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากการช่วยประหยัดเวลาดำเนินงานแล้ว การยืนยันตัวด้วย eKYC ยังช่วยลดทรัพยากรในองค์กร โดยจะช่วยลดพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมาก รวมถึงลดการใช้กระดาษในการปรินต์เอกสารข้อมูลต่าง ๆ ทำให้องค์กรสามารถประหยัดทรัพยากร และงบประมาณค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้
4. รักษาชื่อเสียงขององค์กรให้มีความน่าเชื่อถือ
สำหรับองค์กรที่ให้บริการโลจิสติกส์นั้น ชื่อเสียง และคุณภาพการให้บริการคือสิ่งสำคัญ เนื่องจากเป็นบริการที่มีผู้คนใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทั้งจากในประเทศ และนอกประเทศ ความถูกต้องในการทำงานจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากการทำงานเกิดข้อผิดพลาด อาจสร้างความเสียหายต่อทั้งผู้ใช้บริการ รวมถึงชื่อเสียงขององค์กร จนคนไม่อยากใช้บริการอีก
การใช้บริการยืนยันตัวตนด้วย eKYC จะช่วยรักษามาตรฐานการทำงานขององค์กร ให้สามารถจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ ทำให้องค์กรได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ใช้บริการว่าจะได้รับบริการที่มีความถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
5. จัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการ เพื่อวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม
อีกหนึ่งประโยชน์ของการยืนยันตัวตนโดย eKYC คือองค์กรสามารถจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้บริการได้ โดยเฉพาะผู้ส่งสินค้า ซึ่งนอกจากการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ระบบ eKYC ยังทำหน้าที่ในการนำข้อมูลที่ได้มาทำการวิเคราะห์ เพื่อออกแบบการบริการที่เหมาะสมแก่กลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ได้อีกด้วย โดยระบบจะวิเคราะห์รูปแบบการใช้งาน และประเภทของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสามารถแนะนำกลุ่มคนที่สนใจ ช่วยยกระดับการให้บริการที่ตอบโจทย์ต่อผู้ส่งสินค้ามากยิ่งขึ้น
สรุป
จะเห็นได้ว่าการยืนยันตัวตน eKYC เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจโลจิสติกส์เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยลดความผิดพลาด เพิ่มความแม่นยำ และประหยัดเวลา ทรัพยากรในการทำงานแล้ว ยังช่วยยกระดับการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการเลือกผู้ให้บริการ eKYC คือสิ่งที่องค์กรควรให้ความสำคัญ ขอแนะนำ APPMAN E-KYC บริการยืนยันตัวตนที่ใช้เทคโนโลยีในการช่วยดึงข้อมูลจากบัตรประชาชน หรือพาสปอร์ต ด้วยความรวดเร็วแม่นยำระดับ 98.7% สามารถรองรับได้ทั้งภาษาไทย และอังกฤษ
