ในปัจจุบัน เทคโนโลยี OCR และ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ได้นำเอาปัญญาประดิษฐ์มาปรับใช้ในกระบวนการผลิตรถยนต์ เพื่อยกระดับการผลิตให้มีความเป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงการนำเทคโนโลยี มาพัฒนาระบบการขับขี่ให้มีความปลอดภัย สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
OCR คือ เทคโนโลยีการรู้จำอักขระด้วยแสง (Optical Character Recognition) ที่สามารถสกัดข้อความจากรูปภาพเข้าสู่ข้อความดิจิทัล เพื่อช่วยลดความผิดพลาด และเพิ่มความรวดเร็วของกระบวนการป้อนข้อมูลได้อย่างมาก [ เรียนรู้เพิ่มเติม ]
ทำไมต้องใช้ เทคโนโลยี OCR ในกระบวนการผลิตรถยนต์ ?
ในปัจจุบันเทคโนโลยี OCR ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่ต้องมีกระบวนการแสกน หรือพิมพ์เอกสาร ซึ่ง OCR สามารถช่วยลดกระบวนการทำงานให้สะดวก รวดเร็วมากกว่าเดิม นอกจากการอ่านอักขระบนเอกสารแล้ว OCR ยังได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์อีกด้วย
ถึงแม้ว่ากระบวนการผลิตรถยนต์ จะมีหุ่นยนต์ทำหน้าที่ในการประกอบแทนคน แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในการตรวจสอบชิ้นส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งการใช้เทคโนโลยี OCR จะสามารถช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้มีความถูกต้องแม่นยำมากขึ้น ซึ่งประโยชน์ของ OCR ในอุตสาหกรรมยานยนต์ มีดังนี้
1. เทคโนโลยี OCR ช่วยเพิ่มรวดเร็วของกระบวนการผลิตรถยนต์
เนื่องด้วยกระบวนการผลิตรถยนต์ หรือยานยนต์สักคันหนึ่งนั้น เต็มไปด้วยขั้นตอน และชิ้นส่วนที่ซับซ้อน ดังนั้นเทคโนโลยี OCR จึงเข้ามามีบทบาทในการลดความซับซ้อน ยุ่งยากดังกล่าว ด้วย OCR ในการอ่านหมายเลข Serial Number ของชิ้นส่วนรถยนต์ ได้แบบไดนามิก ทำให้ขั้นตอนการประกอบชิ้นส่วนของรถยนต์เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง
Dynamic OCR คือ ความสามารถในการอ่านข้อความหรือตัวเลขของชิ้นส่วนได้อย่างต่อเนื่องในขณะที่ชิ้นส่วนต่าง ๆ มีการเคลื่อนที่ไปตามสายการผลิต
2. ลดโอกาสผิดพลาดของการประกอบรถยนต์
เทคโนโลยี OCR จะทำหน้าที่ร่วมกับกล้องอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อทำการช่วยตรวจจับข้อมูลของชิ้นส่วนรถยนต์ ที่เคลื่อนผ่านสายพาน ทำให้ผู้ผลิตสามารถมั่นใจได้ว่าชิ้นส่วนทั้งหมด มีการติดฉลากอย่างถูกต้อง หากชิ้นส่วนใดมี Serial Number ที่ผิดปกติ OCR จะช่วยสามารถระบุ และเตือนผู้ผลิตได้ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการประกอบชิ้นส่วนผิดพลาดในรถยนต์ได้
3. ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลของชิ้นส่วนต่าง ๆ
นอกจาก เทคโนโลยี OCR จะช่วยให้การทำงานของการผลิตยานยนต์ มีความรวดเร็ว แม่นยำมากขึ้นแล้ว เทคโนโลยี OCR ยังช่วยในการจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ อีกด้วย โดย OCR จะทำหน้าที่จดจำ Serial Number ของชิ้นส่วน หรือวัตถุนั้น ๆ ทำให้ผู้ผลิตสามารถทำการติดตามข้อมูลของชิ้นส่วนเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นวันผลิต, วันหมดอายุ รวมถึงตำแหน่งปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถจัดการกับชิ้นส่วนที่มีจำนวนมากได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น
อนาคตของ เทคโนโลยี OCR
ในตอนนี้ได้มีการพัฒนา OCR ให้มีรูปแบบการทำงานที่เหนือชั้นมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยี Machine Learning มาผสมผสาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านเอกสาร จนนำมาสู่เทคโนโลยี การประมวลผลเอกสารอัจฉริยะ หรือ Intelligent Document Processing (IDP)
โดย IDP เป็นเทคโนโลยีที่มาพร้อมวิธีการจัดการไฟล์เอกสารแบบอัจฉริยะ ที่ผสมผสานเทคโนโลยีต่าง ๆ หนึ่งในนั้นก็คือเทคโนโลยี OCR ซึ่งความสามารถของ IDP คือการสามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ที่นำมาแสกน เพื่อให้การดำเนินการด้านเอกสารมีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
การทำงานของ IDP จะเป็นการเก็บข้อมูลของเอกสารต่าง ๆ ด้วยกระบวนการ OCR จากนั้นจะทำหน้าที่ในการจำแนกองค์ประกอบต่าง ๆ ของเอกสาร และนำข้อมูลเหล่านั้นไปเรียงลำดับจัดวางในส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้สะดวกต่อการค้นหา หรือนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้งาน นอกจากนี้ IDP ก็ยังทำหน้าที่ในการจดจำลายมือ หรือลายเซ็นของข้อความที่เขียนบนเอกสาร เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวตนของลายมือบนเอกสาร ทำให้การทำงานเอกสารมีความเหนือชั้นไปอีกระดับ
APPMAN OCR คือการผสมผสานเทคโนโลยี OCR (Optical Character Recognition) และ IDP (Intelligent Document Processing) เข้าด้วยกัน เพื่อนำมาใช้ในกระบวนการเปลี่ยนภาพ และเอกสารต่าง ๆ ให้เป็นข้อมูลทางดิจิตัล
[ เรียนรู้เพิ่มเติม ]
เทคโนโลยี AI + Machine Learning ในอุตสาหกรรมยานยนต์
ทำความรู้จัก Machine Learning
Machine Learning คือส่วนหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะทำหน้าที่ในการออกแบบ และพัฒนา อัลกอริทึม เพื่อเพิ่มความฉลาด เป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทำให้ปัญญาประดิษฐ์สามารถที่จะเรียนรู้ หรือคาดการณ์ข้อมูลต่าง ๆ ได้ ซึ่งการพัฒนาอัลกอริทึมดังกล่าว ก็มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีต, การสำรวจ และการใช้ความเชี่ยวชาญด้านโดเมน มาพัฒนาปัญญาประดิษฐ์นั้น ๆ
ในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยี Machine Learning มาปรับใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้คนผู้คน หนึ่งในอุตสาหกรรมที่นำเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้ ซึ่งเราสามารถเห็นได้ในปัจจุบันคืออุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ได้มีการนำ Machine Learning มาพัฒนาระบบต่าง ๆ ภายในรถให้ปลอดภัย และทันสมัยมากยิ่งขึ้น
บทบาทหน้าที่ของ Machine Learning
ในอุตสาหกรรมยานยนต์
1. ออกแบบและพัฒนา
ในปัจจุบัน ได้มีการนำปัญญาประดิษฐ์มาปรับใช้ในอุตสาหกรรมตั้งแต่ขั้นตอนแรก ๆ อย่างการออกแบบ และพัฒนารถแต่ละรุ่น โดยจะมีการนำ Machine Learning มาทำการวิเคราะห์ และออกแบบ รถยนต์ที่มีความละเอียดรอบคอบ และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ในอนาคตมีการคาดการณ์ว่า Machine Learning จะสามารถช่วยให้คำแนะนำในการออกแบบรถยนต์แต่ละรุ่นในอนาคต เพื่อเป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ผลิต เพื่อให้สามารถผลิตยานยนต์ที่ทันสมัย และปลอดภัยมาให้ผู้คนได้ใช้งาน
2. ควบคุมคุณภาพในการผลิต
เนื่องด้วยการประกอบยานยนต์ เต็มไปด้วยขั้นตอนที่ละเอียด มีความซับซ้อน ทำให้การผลิตยานยนต์แต่ละคันต้องมีการรักษาคุณภาพการผลิตที่เหมือนกัน ดังนั้นเทคโนโลยี Machine Learning ถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดคุณภาพการผลิตดังกล่าว โดยจะทำหน้าที่ในการจดจำ และวิเคราะห์แต่ละชิ้นส่วนที่ต้องนำมาประกอบ หากมีการตรวจพบชิ้นส่วนที่มีความบกพร่อง หรือผิดพลาด ระบบจะทำการแจ้งเตือนผู้ผลิต และขจัดชิ้นส่วนที่มีปัญหาออกไป ทำให้คนที่ซื้อยานยนต์ในปัจจุบัน สามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ
3. ระบบรักษาความปลอดภัย
อีกหนึ่งบทบาทของ Machine Learning ที่เราสามารถเห็นได้ในปัจจุบัน คือระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง หรือ Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) ที่เป็นเทคโนโลยีที่สามารถช่วยลดการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยปัญญาประดิษฐ์ จะทำหน้าที่ร่วมกับกล้องในรถยนต์ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์ที่จะช่วยระบุ และประมวลผลวัตถุ ทำให้สามารถตอบสนองต่อความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้อย่างทันที เช่น การดึงเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ หรือจะเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การควบคุมความเร็วแบบคงที่ และการตรวจจับอาการง่วง หรือเมาของคนขับ ซึ่งระบบจะทำการแจ้งเตือนเพื่อให้คนขับเกิดการตื่นตัว เป็นต้น
4. ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของยานยนต์ Automated Driving Systems (ADS) หรือยานยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีมนุษย์ของบังคับ นับว่าเป็นเรื่องที่ผู้คนในวงการวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีต่างต้องการสร้างให้เป็นจริง ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยี Machine Learning ได้เข้ามามีบทบาทที่จะทำให้สิ่ง ๆ นี้เกิดขึ้นได้ โดยบริษัทผลิตยานยนต์ชั้นนำมากมายไม่ว่าจะเป็น Tesla, Mercedes และ BMW ได้พยายามนำ Machine Learning มาพัฒนาในรถยนต์ของตนเอง
โดยเทคโนโลยีไร้คนขับจะทำงานโดยใช้เซ็นเซอร์จากสามส่วนได้แก่ กล้อง ระบบไลดาร์ และระบบเรดาร์ ที่ทำงานร่วมกันซึ่งมีเปรียบเสมือน สมอง ตา หู ที่จะทำหน้าที่สังเกตสภาพแวดล้อมของรถ ให้ออกมาเป็นภาพ 3 มิติ ทำให้ระหว่างที่รถเคลื่อนที่ มีการกำหนดความเร็ว และวิเคราะห์วัตถุต่าง ๆ ที่อยู่โดยรอบ เพื่อให้สามารถหลบหลีกได้ในจังหวะที่เหมาะสม
แม้ว่าในตอนนี้เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ จะยังคงอยู่ในช่วงพัฒนา แต่ก็ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่หากทำได้จริงจะสามารถพลิกโฉมวงการยานยนต์ไปโดยปริยาย และยังเป็นการยกระดับปัญญาประดิษฐ์ ให้เหนือชั้นไปอีกขั้น