เมื่อเทรนด์โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีก็เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนจึงได้มีการนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาใช้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เช่น การยืนยันตัวตนด้วยระบบ E-KYC ซึ่งมีความแม่นยำมากกว่าการยืนยันตัวตนรูปแบบเดิม ๆ อีกทั้งยังมีความปลอดภัยที่รัดกุมมากยิ่งกว่า ทำให้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
เทรนด์เหล่านี้ได้ช่วยปูทางและวางรากฐานการพัฒนาระบบยืนยันตัวตนของประเทศไทยในอนาคต โดยความเปลี่ยนแปลงที่เราจะได้เห็นแน่นอนในปี พ.ศ. 2567 นั้นได้แก่
1. การยืนยันตัวตน ก่อนโอนเงินจำนวนมาก
หลักการใช้เทคโนโลยีคือช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงต้องมีความรวดเร็ว ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก สามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องเดินทางไปถึงสถานประกอบการณ์ การยืนยันตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือ E-KYC จึงสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี
ระบบ E-KYC สามารถยืนยันตนตัวได้โดยไม่ต้องมีการพบปะหรือติดต่อกันโดยตรง ซึ่งกระบวนการนี้มีความสำคัญเมื่อมีการทำรายการทางการเงินจำนวนมาก เพื่อป้องกันการฉ้อโกงและเพิ่มความปลอดภัยดังนี้
- การใช้ข้อมูลทางไบโอเมตริกส์ เช่น ลายนิ้วมือหรือการสแกนใบหน้า
- การตรวจสอบเอกสารโดยใช้เทคโนโลยี OCR เพื่อสแกนและตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารประจำตัว เช่น บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง
- การตรวจสอบข้อมูลสาธารณะกับฐานข้อมูลของรัฐบาลหรือฐานข้อมูลป้องกันการฉ้อโกง
- การใช้ AI และ Machine Learning เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและตรวจจับการปลอมแปลงเอกสาร
การยืนยันตัวตนด้วย E-KYC เมื่อมีการโอนเงินจำนวนมาก จะช่วยให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัย ลดโอกาสการฉ้อโกงและการใช้เงินอย่างไม่ถูกต้อง อีกทั้งยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ รวมถึงลดภาระงานของผู้ให้บริการอีกด้วย
2. การยืนยันตัวตนเพื่อขอรับสิทธิ์จากรัฐบาล
การยืนยันตัวตนเพื่อขอรับสิทธิ์เงินจากรัฐบาลเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญ เพราะต้องมั่นใจว่าสิทธิ์ที่จะได้รับไปถึงบุคคลที่ถูกต้องจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินช่วยเหลือ, เงินอุดหนุน, หรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ จากรัฐบาล จึงจำเป็นต้องมีขั้นตอนยืนยันตัวตนดังต่อไปนี้
- ใช้ระบบ E-KYC ในการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการเงิน
- ตรวจสอบสอบเอกสารด้วยเทคโนโลยี OCR
- ตรวจสอบข้อมูลกับฐานข้อมูลของรัฐบาลเพื่อยืนยันว่าผู้ขอรับสิทธิ์เข้าข่ายตามที่กำหนด
- ติดตามการใช้เงินเพื่อมั่นใจว่าเงินถูกใช้ไปตามวัตถุประสงค์ที่ถูกต้อง
- การประเมินผลเพื่อดูว่าโครงการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่
การยืนยันตัวตนอย่างถูกต้องและเชื่อถือได้จึงมีความสำคัญมากในกระบวนการนี้ เพื่อป้องกันการทุจริต การฉ้อโกง และสร้างความมั่นใจว่าทรัพยากรจากรัฐบาลจะถูกกระจายไปยังบุคคลที่มีความต้องการอย่างแท้จริง
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและเทคโนโลยีเหล่านี้อาจมีผลกระทบด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะการทำธุรกรรมทางการเงินและการใช้บริการทางออนไลน์ ดังนั้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ หลายบริษัทจึงเลือกใช้ AppMan E-KYC ระบบยืนยันตัวตนที่ได้รับการพัฒนาจนมีมาตรฐานเดียวกับธนาคารชั้นนำ เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการทำธุรกรรมทางการเงิน และความแม่นยำในการยืนยันตัวตน ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น