การตรวจประวัติอาชญากรรมเป็นกระบวนการที่สำคัญในกระบวนการคัดกรองผู้สมัครงาน โดยเฉพาะในตำแหน่งที่มีความสำคัญและต้องการความปลอดภัยสูง แม้ว่าเทคโนโลยีและระบบข้อมูลจะก้าวหน้าไปมากในปัจจุบัน แต่การ ตรวจประวัติอาชญากรรม ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเด็นหลักดังนี้
1.การเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน
แม้ว่าในปัจจุบันโลกจะเข้าสู่ยุคดิจิทัล ที่มีความทันสมัย รวดเร็วของเทคโนโลยีต่าง ๆ แต่สำหรับการตรวจประวัติอาชญากรรมยังคงเต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทาย เนื่องด้วยการจัดการข้อมูลประวัติอาชญากรรมนั้น อาจไม่ได้มีความครบถ้วน บางคดีอาจไม่ได้มีการอัปเดตตามจริงในสถานะปัจจุบัน เนื่องจากคดีความอยู่ในระหว่างการพิจารณา ทำให้ผู้ที่มีประวัติอาชญากรรมอาจหลุดรอดการตรวจสอบไปได้
2.ต้องดำเนินการภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
อีกหนึ่งสิ่งที่การตรวจประวัติอาชญากรรม ในยุคนี้ควรให้ความสำคัญอย่างเลี่ยงไม่ได้ คือกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ซึ่งเป็นมาตรการที่ให้องค์กรจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้สมัครก่อน จึงจะสามารถดำเนินการตรวจประวัติอาชญากรรมรวมถึงการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลต่าง ๆ ได้ ดังนั้นหากองค์กรต้องการที่จะตรวจสอบประวัติอาชญากรรมผู้สมัคร ควรจะดำเนินการอย่างถูกต้องและรัดกุม ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลเสียให้องค์กรกลายเป็นฝ่ายถูกดำเนินคดีความได้
3.ความรวดเร็วในการตรวจสอบ
ความรวดเร็วเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการดำเนินการสิ่งต่าง ๆ ในปัจจุบัน รวมถึงการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ที่ควรมีการดำเนินการที่รวดเร็วทันใจยิ่งกว่าเดิม โดยปกติแล้วการตรวจประวัติอาชญากรรมในรูปแบบเดิม จะใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งอาจส่งผลต่อการคัดเลือกพนักงานที่เกิดความล่าช้า ไม่ทันใจ
แต่ในปัจจุบันได้มีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งตอบโจทย์ในเรื่องของความรวดเร็ว สะดวก ไม่ยุ่งยาก โดยผู้สมัครสามารถดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ 100% สามารถทราบผลได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม
4.การใช้เทคโนโลยีในการ ตรวจประวัติอาชญากรรม
ในช่วงที่โลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทเป็นส่วนช่วยในการดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ รวมถึงการตรวจประวัติอาชญากรรมที่ได้มีการใช้ระบบ OCR (Optical Character Recognition) ที่เป็นเทคโนโลยีช่วยในการเปลี่ยนกระบวนการเปลี่ยนภาพและเอกสารให้เป็นข้อมูลดิจิทัล มาช่วยตรวจสอบ เพื่อช่วยลดความยุ่งยากซับซ้อนในกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบ จากการตรวจสอบรูปแบบเดิมที่เจ้าหน้าที่ HR ต้องรวบรวมเอกสารเพื่อไปตรวจสอบกับสถานีตำรวจด้วยตนเอง
5.การบริหารจัดการข้อมูลที่มีคุณภาพ
เนื่องจากข้อมูลในการตรวจประวัติอาชญากรรมนั้น ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน ดังนั้นการเก็บข้อมูลเหล่านี้องค์กรจะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ รัดกุม เพื่อป้องกันการเล็ดลอดของข้อมูล หรือนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด เช่น มีการกำหนดระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูล มีการระบุว่าจะลบข้อมูลเมื่อไหร่ เป็นต้น
สรุป
การเลือกคนเข้ามาทำงานในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการตรวจประวัติอาชญากรรมเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง แต่ความท้าทายในการตรวจประวัติพนักงานคือความถูกต้อง รัดกุม มีประสิทธิภาพ และต้องไม่ละเมิดกฎหมาย PDPA
หากองค์กรต้องการตรวจประวัติพนักงานอย่างหมดกังวล และมีประสิทธิภาพ ควรเลือกใช้บริการตรวจประวัติที่ได้รับการเชื่อถือ ซึ่ง Appman Background Checker คืออีกหนึ่งทางเลือกขององค์กรที่ต้องการตรวจประวัติอาชญากรรมที่ดำเนินการแบบดิจิทัล 100% ถูกต้องตามกฎหมาย PDPA และทราบผลไวมากขึ้น